เปิดคฤหาสน์ ท็อป จรณ โตมาในตระกูลเศรษฐี
เป็นอีกหนึ่งพระเอกที่ตอนนี้กลายเป็นนักแสดงอิสระหลังหมดสัญญากับช่อง 3 สำหรับ หนุ่ม ท็อป-จรณ โสรัตน์ พร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ เปิดใจพร้อมเปิดประสบการณ์งานใหม่ๆ แต่เรื่องหัวใจยังไม่พร้อม ท็อป เผยว่า “หมดได้สักพักหนึ่งแล้วครับ ไม่นาน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญา เพราะเราอยากจะหาประสบการณ์เพิ่มเติม เหมือนเราอยู่ช่อง 3 มา 10 ปีแล้ว ก็อยากจะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
ส่วนเรื่องค่าตัวก็เป็นเรื่องของการตกลงและรายละเอียดในการทำงาน ถามว่าได้รับเพิ่มจากเดิมไหม เอาเป็นว่าก็ที่คุยๆ ไว้ ก็ถือว่าเสนอมาสูงกว่าละครที่เคยรับเล่น 3-4 เท่าครับ” ท็อปเผย ครอบครัวผมมีพี่น้อง 2 คนผมเป็นคนพี่คนโต มีน้องชายเป็นตำรวจ (ไทด์-ไพบูลย์ สอโส) ผมเป็นลูกชายที่ตามใจแม่ (แพรวพัตรา สอโส) คือที่บ้านจะแบ่งแบบ ผมจะเป็นลูกแม่น้องชายจะเป็นลูกพ่อ (พลโทเชาวน์โรจน์ สอโส) ผมก็จะเป็นสไตล์ตามใจแม่อยากได้อะไร หรือว่าจะให้พาไปไหน ก็พาไป ส่วนน้องชายจะขี้อ้อน ไทด์จะนิสัยเหมือนแม่ ผมจะนิสัยเหมือนพ่อ คนเหมือนกันจะอยู่ด้วยกันไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) แต่ผมก็อยู่กับพ่อได้นะ จะนิ่งๆ เงียบๆ ไทด์กับแม่จะคุยเก่ง
ผมเป็นลูกชายที่อยู่ในกรอบนะเพราะเป็นครอบครัวทหารด้วยมั้งครับคุณแม่ก็จะดุมากกว่าคุณพ่อ เขาจะมีระเบียบวินัยค่อนข้างสูง แล้วแม่จะเป็นคนหัวโบราณมากๆ เพราะเขาก็เติบโตมาในครอบครัวที่เลี้ยงมาแบบเก่าจริงๆ จะมีความเป็นวัฒนธรรมไทยค่อนข้างสูงมาก สมมุติเดินผ่านผู้ใหญ่ต้องโค้ง แต่ผมจะต้องคลานเข้าไป หรืออย่างผมยาวก็ต้องตัดผม เสื้อก็ต้องเข้ากางเกงตลอด ห้ามใส่รองเท้าแตะออกจากบ้าน ต้องใส่ถุงเท้ารองเท้าผ้าใบ ผมจะค่อนข้างติดบ้าน เวลามีวันสำคัญวันพ่อ วันแม่ วันหยุดยาวๆ ก็จะอยู่กับครอบครัวตลอด เหมือนเป็นกฎแต่มันทำให้กลายเป็นความเคยชิน กลายเป็นวัฒนธรรมของครอบครัวไป ทุกวันสำคัญของวัฒนธรรมไทยเราก็จะทำ เช่น เอาพวงมาลัยมาไหว้คุณพ่อคุณแม่ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ แม่จะสอนให้เราเป็นคนอดออม แม่จะสอนให้เราเก็บเงิน อยากได้อะไรก็ต้องเก็บตังค์ซื้อเอง ผมก็จะเก็บตังค์ทุกวัน อย่างน้อยก็ 5 บาท แล้วพอถึงเวลาก็จะมีไปซื้อดอกไม้ให้สาวที่จีบในวันวาเลนไทน์ อะไรแบบนี้ก็มีมุมแบบนั้นบ้าง ซึ่งตอนนี้ก็มีบ้างซื้อดอกไม้ให้สาว อันนี้ไม่ได้เก็บตังค์นะเพราะเราทำงานเป็นของเราเองแล้ว (ยิ้ม)