ศบค.แจงแผนตั้งด่าน-ให้เดินทางไม่สะดวก

ศบค.แจงแผนตั้งด่าน-ให้เดินทางไม่สะดวก

วันที่ 19 ก.ค.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า สำหรับข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ออกเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2564 กำหนดจังหวัดควบคุมสุงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 10 จังหวัดเพิ่มเป็น 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จาก 24 จังหวัดเป็น 53 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 25 จังหวัดเหลือ 10 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 18 จังหวัดลดเหลือ 1 จังหวัด คือภูเก็ต

ทั้งนี้ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กทม. นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ที่เพิ่มมาคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทราและพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมาตรการคือห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ส่วนเวลาอื่นให้งดออกนอกเคหสถานโดยไม่จำเป็นเช่นกัน ยกเว้นการเดินทางจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต คือ อาหาร ยา เวชภัณฑ์ พบแพทย์ รักษาพยาบาล รับวัคซีน ประกอบอาชีพที่ไม่สามารถ Work From Home ได้

โดยจะตั้งด่านบริเวณขอบของจังหวัดแดงเข้ม รวมถึงด่านตรวจภายในการเข้าออกเส้นสมุทรปราการไปภาคตะวันออกด้วย ทำให้การเดินทางเข้าออกไม่สะดวก เพราะจะมีการตรวจเอกสาร 3 อย่าง คือ หลักฐานการอนุญาตจากเจ้าพนักงานในพื้นที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เป็นต้น ใช้แอพพลิเคชันไทยชนะที่ด่านตรวจ และลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ COVID19.in.th แสดงคิวอาร์โคดต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ

“ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินทาง อยู่ในเคหสถาน ทั่วโลกใช้ล็อกดาวน์ คือ อยู่กับบ้านสำคัญสูงสุดเป็นหลักการสากล ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหารจะทำงานด้านนี้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะด่านถ้ารถมากก็ยิ่งติดไม่สะดวกในการเดินทาง ความสะดวกสบายไม่เกิดขึ้น ทำให้ต้องตัดสินใจใหม่ไม่อยากออกจากบ้าน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันนี้” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ