วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 นายทักษิณ ชินวัตร มีการพูดในรายการ CARE Talk x CARE Clubhouse หัวข้อ ล็อกดาวน์ แล้วยังไงต่อ โดยเริ่มต้นกล่าวถึงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของรัฐบาลในครั้งนี้ว่า การล็อกดาวน์แต่ละครั้งจะต้องมีคนเจ็บ ไม่สามารถทำมาหากินได้ ซึ่งเจ็บแล้วมันต้องจบ แต่ครั้งนี้ดูแล้วยังไงก็ไม่จบ เพราะไม่มีวัคซีนดี ส่วนการที่เรามาใช้สูตรวัคซีนโควิด ผสมซิโนแวคกับแอสตร้าเซนเนก้า อาจจะเป็นเพราะว่า ต้องการไว้หน้าคน เนื่องจากสั่งซิโนแวคมาเยอะ และแอสตร้าเซนเนก้าก็ไม่ได้ครบ 10 ล้านโดส ตามเป้าหมาย ดังนั้นก็เอามาผสมกัน แต่ปัญหาคือ มันมีวิจัยมารองรับหรือยัง หรือหมอได้ทดลองแล้วหรือยัง รวมถึง WHO ก็ออกมาบอกว่า การฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อนั้นอันตราย

นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังกล่าวในตอนหนึ่งถึงกระแสข่าวลือที่ว่า ตัวเองนั้นมีหุ้นในบริษัท ไฟเซอร์ ฉะนั้นการที่ซื้อวัคซีนไฟเซอร์เข้ามา ทำให้นายทักษิณรวยเละว่า อดไม่ได้ที่จะพูดถึงช่องบลูสกาย ไม่รู้เอาควายที่ไหนมาเป็นพิธีกร บอกว่าผมมีหุ้นในไฟเซอร์ผ่านเทมาเส็ก เหมือนสมัยก่อนที่มีข่าวว่า ผมมีหุ้นอยู่ใน ปตท. ฉะนั้นท้าให้ไปหาเลย ถ้าเจอผมมีหุ้นในไฟเซอร์ เทมาเส็ก และ ปตท. ผมให้เลยหุ้นละล้าน ถ้าไม่มีหาไม่เจอ ให้เอาโกเต็กเมียปิดปากแทนมาสก์แล้วกัน มันแย่จริง ๆ

มีผู้ฟังรายหนึ่งถามว่า ที่สหรัฐฯ มีการเปลี่ยนม้ากลางศึกจากทรัมป์เป็นไบเดน แล้วท่านพร้อมหรือไม่กับการเป็นผู้นำคนต่อไป เพื่อที่จะคนไทยรอดจากโควิด 19 ซึ่งนายทักษิณ ตอบว่า ถามว่าสติปัญญากับสุขภาพพร้อมไหม พร้อม แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ ขอแค่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาขอปรึกษา ผมก็ยินดีที่จะเวิร์ก ฟอร์ม ดูไบ และผมก็ยินดีช่วย เพราะเขาก็เป็นลูกน้องผมตอนที่ผมเป็นนายกฯ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิม และผมก็ไม่เหมือนเดิม (ไม่มีสถานะ) ฉะนั้นอาจจะไม่กล้าคุยกัน

ถ้าเขาจะซูมเข้ามา หรือโทรศัพท์ถามเข้ามา ผมก็ยินดี เพราะผมก็เป็นอดีตนายกฯ ถ้าไม่รักประชาชนก็บ้าแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนรัก และจะต้องวางตัวอย่างไร ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ หลายคนอาจจะตามไม่ทัน ผมเองก็อยู่ต่างประเทศ ฉะนั้นก็เห็นอะไรมาเยอะ