เจ้าหน้าที่ รพ. แฉหัวหน้า ปลอมลายเซ็นเบิกแมสก์ไปขายเอง
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ชื่อ รอคำตอบอยู่เหมือนกัน ได้มีการตั้งกระทู้แฉเรื่องราวย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่หน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการของคนไทย แต่กลับหายากและมีราคาสูง จนเกิดมีข่าวการคอรัปชันเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยเกิดขึ้น โดยเธอเล่าว่า เธอทำงานด้านการเงินที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่รับชำระเงินจากผู้ป่วยสลับกับทำงาน Back Office ช่วงเดือนมีนาคม 2563 เจ้าตัวต้องซื้อหน้ากากใช้เองเนื่องจากระอาที่จะขอเบิก เพราะขอเบิกหน้ากากเพื่อใช้ปฏิบัติงาน แต่ผู้บังคับบัญชามักจะบ่ายเบี่ยง อ้างว่ายุ่ง ติดธุระ ขอเบิกย้อนหลังไม่ได้บ้าง รวมถึงหากเราสำรองหน้ากากของเราเองเพื่อใช้ปฏิบัติงานเมื่อนำมาเบิกย้อนหลังก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เบิก ทำให้เสียสิทธิ์ เป็นแบบนี้บ่อยครั้ง
จับได้ว่าผู้บังคับบัญชาปลอมลายเซ็นเบิกหน้ากาก เอาไปขายเอง
จนกระทั่ง มาทราบว่าถูกผู้บังคับบัญชาปลอมลายเซ็นเพื่อไปเบิกหน้ากากอนามัยแล้วเอามาขายเอง เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2564 เธอรู้สึกเอะใจ จึงขอหลักฐานการลงลายมือชื่อเบิกหน้ากากจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงพบว่ามีการปลอมลายมือชื่อ ทั้งชื่อเจ้าของกระทู้ และเพื่อนร่วมงานคนอื่นด้วย เป็นระยะเวลานานนับแรมปี มีการเบิกในวันเดียวกันซ้ำ ๆ กัน เช่น เบิกวันที่ 13 เมษายน 2564 ก็จะมีรายการเบิกของวันที่ 13 เมษายน 2564 ซ้ำกันและวันอื่น ๆ ก็เบิกซ้ำกัน
มีหลักฐานแชตขายหน้ากาก แต่แจ้งความแล้วเรื่องเงียบ
ทั้งนี้ เจ้าของกระทู้ได้นำเรื่องราวรวมถึงหลักฐานแชตไลน์ที่ผู้บังคับบัญชาโพสต์ขายหน้ากากอนามัยไปลงบันทึกประจำวันแล้ว และมีการทำหนังสือถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ผลคือเรื่องเงียบ รวมถึงได้ไปร้องเรียนต่อหน่วยงานภาครัฐเช่นกัน สุดท้ายเรื่องก็เงียบเหมือนเดิม
ถูกกลั่นแกล้งในการทำงาน หลังออกมาแฉเรื่องราว
เจ้าของกระทู้ทิ้งท้ายว่า หลังตนเองออกมาเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว การทำงานก็ไม่สงบสุขอีกต่อไป เพราะบังคับบัญชามักจะเรียกเพื่อนสนิทของเธอไปบอกว่าไม่มี ใครสามารถทำอะไรเขาได้เพราะรู้จักผู้ใหญ่มาก และผู้ใหญ่มักจะเข้าข้างผู้บังคับบัญชา เดี๋ยวเรื่องดังกล่าวก็เงียบ ลักษณะเหมือนจะฝากบอกให้เพื่อนมาเล่าให้ตนเองฟัง และโดนกดดันการทำงานมากในระดับหนึ่ง แก้งานหลาย ๆ รอบ งานไม่ผ่านสักที เหมือนปั่นประสาทกันไปวัน ๆ พองานไม่ค่อยออกและคงค้างอยู่ ก็โดนเล่นงานว่าทำงานไม่เสร็จ
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระทู้ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็เป็นกระแสจนมีคนเข้ามาแสดงความเห็นอย่างมากในทันที ส่วนใหญ่แนะนำให้เจ้าของกระทู้ร้องเรียนไปยังสื่อ แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้าของกระทู้ด้วย เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อยข้างใหญ่เลยทีเดียว