เทรนด์การปลูกต้นไม้กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากหลายคนกักตัวอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการหางานอดิเรกทำเพิ่มอย่างเช่นการหาต้นไม้มาปลูก ยิ่งต้นไม้ประเภทที่มีใบด่าง ทำให้มีราคาแรงสูง บางคนถึงกับเลี้ยงไว้เพื่อเก็งกำไรอีกด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 64 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก samrit saraphi ได้เผยเรื่องราวว่าเจอต้นกล้วยด่าง ในพื้นที่ท้ายสวนยาง บริเวณเขตชายแดนจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งผู้เป็นพ่อติดว่าต้นกล้วยนี้เป็นโรค จึงจะทำการตัดทิ้ง แต่ว่าลูกสาวได้มาเจอเสียก่อน จึงรู้ว่าเป็นกล้วยด่างซึ่งมีราคาสูงมาก โดยทางผู้โพสต์ได้มีการระบุข้อความดังนี้ "คุณพ่อคิดว่าเป็นโรค จึงจะตัดทิ้ง (กล้วยราคา50,000) เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่าน เวลา 07.00 น ณ.บ้านโอทะลัน ต.จริส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ลูกสาวเจ้าของสวนยาง ได้ออกไปให้น้ำกรดต้นยาง บริเวณท้ายหมู่บ้าน บังเอิญได้ไปพบเห็นต้นกล้วยน้ำว้า ที่พ่อได้ปลูกไว้เป็นเวลามาหลายปี ที่มีสีที่แปลกตา คล้ายกล้วยด่าง ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่องกล้วยด่างที่ออกข่าว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกล้วยด่างแท้หรือเทียม จึงได้นำมือถือมาถ่ายภาพเป็นข้อมูล ส่งไปยังผู้ที่มีความรู้ด้านไม้ด่าง ซึ่งก็เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คชอบนักสะสมไม้ด่างอยู่แล้ว เช้าวันนั้นปรากฏได้รับการยืนยัน ว่าเป็นกล้วยด่างแท้แน่นอน และได้ทำการติดต่อขอซื้อทันทีในราคาครึ่งแสน เมื่อตกลงราคากันได้ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวก็ได้รีบเดินทางไปทันที่จากตัวเมืองสุรินทร์ ไปยังบ้านโอละทันพื้นที่ พบกล้วยด่าง เมื่อไปถึงก็มี คุณแม่ พี่ชาย และกลุ่มเพื่อนๆที่ทำงานของผู้ที่ไปพบเห็นกล้วยด่าง มารอตอนรับและส่งมอบ อย่างอบอุ่น

จากนั้นผู้ติดต่อขอซื้อได้สอบถามที่มาของกล้วยปรากฏว่า เป็นกล้วยน้ำว้าบ้าน ปลูกทิ้งไว้ท้ายสวนเป็นเวลามาหลายปี ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่เป็นผู้ปลูกไว้ ได้เล่าว่า ตั้งแต่เกิดมาจนป่านี้ก็ไม่เคยพบกล้วยอะไรลายแบบนี้ ด้วยความที่ไม่รู้จัก ก็ได้ตัดทิ้งไปแล้วรอบหนึ่ง และยังปรากฏร่องรอยการตัด เพราะคิดว่าอาจเป็นโรค กลัวจะก่อเกิดความเสียหายต่อพืชไร่ชนิดอื่น เมื่อหลายเดือนก่อน ยังได้กล่าวว่า ไม่คิดว่ากล้วยด่างจะเกิดในพื้นที่ของตน และจะมีราคาแพงขนาดนี้ ทั้งตกใจ และดีใจ ที่ลูกสาวได้ไปพบก่อน หากช้ากว่านี้ คุณพ่อคงจะตัดทิ้งอีกครั้ง นับเป็นความโชคดี ชาวสวนยางมาก เพราะกล้วยด่างที่พบนั้น เป็นกล้วยน้ำว้าบ้าน โอกาสในการด่างเองในธรรมชาติน้อยมาก 1ในแสนในล้านต้นก็ว่าได้ นี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นในพื้นที่ดังกล่าว เขตชายแดนจังหวัดสุรินทร์"