หนุ่มเก๋งเทาดำโชว์รถไร้รอยชน ยันไม่ได้แข่งซิ่งกับเสี่ย Z4
จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 ที่มี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง คนขับ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และ น.ส.เมย์ อายุ 18 ปี ที่นั่งมาด้วย เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ที่วิ่งมาทางตรงมุ่งหน้าเข้าตัว จ.เพชรบูรณ์ ทำให้คนขับและคนที่นั่งข้างคนขับมาที่อยู่ในรถเก๋งสวิฟต์เสียชีวิตทันที 2 ราย และคนขับบีเอ็มดับเบิ้ลยูเสียชีวิตด้วยนั้น
ล่าสุด นายธีรเดช อุทธอินทร์ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา ที่ปรากฏในกล้องหน้ารถ ได้พาสำรวจตัวรถพบสภาพภายนอกรถยังไม่มีการล้างยังมีรอยเปื้อนจากการลุยฝน และไม่มีรอยเฉี่ยวชน ส่วนภายในรถไม่มีกล้องบันทึกหน้ารถ
นายธีรเดช เล่าว่า ลูกสาวทำกล้องหลุดและลืมทิ้งไว้ที่บ้าน จึงไม่มีกล้องหน้ารถติดอยู่ ตนไม่ได้ขับรถแข่งกับรถ BMW แต่ก่อนเกิดเหตุตนเองเดินทางมาจากอำเภอหล่มสัก กำลังกลับเข้ามาทำงานกรุงเทพฯ ช่วงนั้นฝนตกตลอดทางถนนก็เปียก แต่ตนได้ขับรถในความเร็วประมาณ 110-120 กม./ชม. อยู่เลนขวาก่อนจะเห็นว่า BMW จี้ท้ายรถอยู่ และมีรถคันที่มีกล้องอยู่เลนซ้ายก่อน BMW จึงแซงไม่ได้ ตนเองจึงเหยียบคันเร่งแซงนำไป และฟอร์จูนเนอร์อีกคันก่อนเข้าเลนซ้ายให้ BMW แซงไป จากนั้นตนเองก็โยกกลับเข้าเลนขวา เป็นจังหวะที่ BMW นำไปได้ประมาณ 200 เมตร ก็เกิดอุบัติเหตุ เห็น BMW อยู่เลนขวาและสะบัดขึ้นเกาะกลาง จึงชะลอรถทันที
ส่วนที่มีคลิปเห็นว่ารถของตนชะลอ เพราะว่าบนถนนมีเศษวัสดุรถเต็มถนนไปหมด เพื่อหลบเข้าเลนซ้าย ยืนยันว่าไม่ได้เฉี่ยวชนกับ BMW ส่วนเศษวัสดุรถก็ไม่ใช่รถของตนแน่นอน อีกทั้งตนเป็นคนเห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง จังหวะอุบัติเหตุ BMW หมุน โดยไม่มีคู่กรณีคันอื่นไปเฉี่ยวชน ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้ และรถไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน การที่ถูกพาดพิงกล่าวหานั้นก็รู้สึกเสียใจ แต่คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้องใคร ขอแค่มีช่องทางให้ตนเองแสดงความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นก็พอ ส่วนการที่ชาวโซเชียลด่าก่อนนั้น อยากให้ตรวจสอบให้ดีก่อนด่า และไม่ได้โกรธใคร เพราะที่ผ่านมาตนไม่ใช่ว่าจะเงียบ แต่มีการชี้แจงในเพจต่างๆ ที่พาดพิงถึงรถของตน ตั้งแต่ 3 วันที่แล้ว